วันพฤหัสบดีที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เก็บตก : THAI FEX-World of Food Asia 2011

THAI FEX-World of Food Asia 2011  25-29 พฤษภาคม 2554 ที่ผ่านมา เป็นงานอาหารและเครื่องดื่ม(food and beverage) รวมทั้งเครื่องจักร์อุตสาหกรรมอาหาร ที่ใหญ่ที่สุดในย่านเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ มีอาหารสด แปรรูป และเครื่องจักร์ รวมถึง อาหารฮาลาล จากหลายประเทศนำมาแสดง  ในส่วนของผักผลไม้สดของไทยเอง แม้ว่าจะมีบู๊ทมาจัดแสดงไม่มากนัก แต่ก็ยังคงมี ทิศทาง(trend) พอสรุปให้เห็นเพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการทำธุรกิจผักผลไม้สดรวมทั้งแปรรูป(ทั้งผู้ผลิตผู้ส่งออก และเกษตรกร) ทิศทางที่น่าสนใจ เห็นจะหนีไม่พ้นผักและผลไม้เกษตรอินทรีย์ (Organic) ผักผลไม้แช่แข็ง อาหารพร้อมรับประทาน/อาหารพร้อมปรุง ผลไม้หลัก อย่างเช่น ลำใย ทุเรียน มังคุด กล้วย มะม่วง ผักผลไม้แกะสลัก รวมทั้งอาหาร ฮาลาล ที่ยังคงมีทิศทางน่าสนใจสำหรับผู้ส่งออก และผู้ผลิต และ เกษตรกรไทย

 

ผักผลไม้เกษตรอินทรีย์(Organic) ทิศทางตลาดโลกที่มาแรง : กลุ่มของผู้บริโภคและผู้ผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์จะเป็นกลุ่มที่ไม่ใหญ่มากนัก แต่แนวโน้มและทิศทางอาหารปลอดภัย เป็นกระแสหลักของอาหารโลกในปัจจุบัน ส่งผลให้การขยายตัวของพืชผักผลไม้เกษตรอินทรีย์ได้รับความนิยม และความสนใจเพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับ เชื่อว่าในอนาคตใกล้ ๆ นี้ จะมาแรงแซงพืชผักผลไม้สดปลอดสารพิษ ในขณะที่ข้อกำหนดเข้มงวดของสหภาพยุโรป รวมทั้งสวิสเซอร์แลนด์ และนอร์เวย์ เรื่องสารพิษตกค้าง เชื้อจุลินทรีย์ และประเด็นร้อนที่ทุกฝ่ายกำลังหาทางแก้ไข คือเรื่องของศัตรูพืช แม้จะมีมาตรการจากกรมวิชาการเกษตรที่เข้มข้น เรื่อง GAP ของแปลง GMP และ HACCP ของโรงงาน เพิ่มความเข้มข้นของศัตรูพืช รวมทั้งตรวจ 100 % ที่ด่าน แต่ท้ายที่สุด  ทางปลายทางยังคงตรวจสอบอย่างเข้มงวด และมีโอกาสเจอแจ๊คพ็อท เพราะการตรวจพบ 5 ครั้งในหนึ่งปีนั้นทุกคนมองว่าเป็นเงื่อนไขที่เป็นไปไม่ได้ ดังนั้นการที่จะผลิตผักให้ปลอดจากทั้งสาร เชื้อ และศัตรูพืช เป็นเรื่องที่ปฏิบัติได้ยาก นอกเสียจากปลูกในโรงเรือนปิด ซึ่งหลายคนให้เหตุผลว่า   พืชผักทั้ง 5 กลุ่ม 16 ชนิดนั้น มีมูลค่าในเชิงเศรษฐกิจน้อยมาก ไม่คุ้มค่ากับการลงทุน อีกทั้งยังเป็นพืชผักที่มีอายุสั้น การดูแลรักษาต้องใช้เทคนิคชั้นสูง ใช้แรงงานที่มีทักษะ ดังนั้นต้นทุนจึงสูง ในขณะที่พืชผักผลไม้เกษตรอินทรีย์เองก็ต้องใช้ผู้ผลิตที่มีองค์ความรู้ มีทักษะสูงเช่นกัน แต่สามารถเพิ่มมูลค่าของเกษตรอินทรีย์ลงไปได้ ทำให้ราคาขยับขึ้นพอคุ้มกับการลงทุน

หลายบริษัทในเมืองไทยเริ่มทำพันธะสัญญาล่วงหน้า(Contract Farming) กับเกษตรกรในการสร้างกลุ่มเขือข่ายผลิตพืชผักผลไม้เกษตรอินทรีย์เพิ่มมากขึ้น และขยายตลาดภายในเพื่อให้ทันต่อทิศทางอาหารปลอดภัยโลกที่ส่งผ่านโมเดนเทรดในเมืองไทย เราจะพบเห็นได้ในห้างสรรพสินค้าในเมืองหลวงและหัวเมืองใหญ่ ๆ เริ่มมีสัดส่วนของผลผลิตเกษตรอินทรีย์วางขาย และมีแนวโน้มการตอบรับจากผู้บริโภคสูงขึ้นเป็นลำดับ 

 

ผักผลไม้แช่แข็ง:เป็นทั้งทางเลือกและทางลอดในทิศทางอาหารปลอดภัยที่สหภาพยุโรป เข้มงวด หลายบริษัท เพิ่มทางเลือกจากการส่งออกผักผลไม้สด มาเป็นแช่แข็ง แม้ว่าเดิมทีตลาดแช่แข็งจะเป็นคนละกลุ่มกัน แต่ปัจจุบันกระแสอาหารปลอดภัย เริ่มมีมากขึ้นทำให้แนวโน้มของตลาดผักผลไม้แช่แข็งเริ่มแจ่มใส กอบป์กับระบบโลจิสติคที่มีประสิทธิภาพทำให้ลดต้นทุนการขนส่ง กับนวัตกรรมการผลิตผักผลไม้แช่แข็งที่ใกล้เคียงกับผลผลิตสดจากธรรมชาติ ยิ่งส่งเสริมให้ตลาดแช่แข็งเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเป็นไปในทิศทางที่ดีในอนาคต

อาหารพร้อมรับประทาน/อาหารพร้อมปรุง:เป็นทิศทางที่มาแรงทั้งอาหารสดที่พร้อมรับประทาน เช่น ส้มโอแกะ ขนุนแกะ มะม่วง อื่น ๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุคเร่งรีบ และกระแสความปลอดภัยที่เติบโตอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่อาหารสำเร็จรูปที่ผ่านขบวนการแปรรูปก็ถือเป็นทิศทางที่มาแรงทั้งในประเทศและต่างประเทศ กลุ่มผู้บริโภคที่ทำงานเร่งรีบอาศัยในเมืองหลวง หรือหัวเมืองใหญ่ ๆ อาศัยครัวสำเร็จณรูปจากร้านสะดวกซื้อเป็นหลักไม่สินเปลือง ประหยัด คุ้มค่า ปลอดภัย มีคุณค่าทางอาหาร อาหารแปรรูป/สำเร็จรูปพร้อมรับประทานผ่านร้านสะดวกซื้อ จึงเป็นทิศทางที่น่าสนใจในยุคปัจจุบัน และอนาคตที่ต้องอาศัยความสะดวกสบายเร่งรีบ

ผลไม้หลักของไทยที่ยังสามารถผ่านทิศทางของความปลอดภัย : มีหลายชนิดที่เห็นคือ มังคุด ทุเรียน ลำใย มะม่วง มะพร้าวอ่อน ส้มโอ และมะขามหวานที่ยังคงเป็นผลไม้ที่มีเส้นทางเดินราบเรียบแต่ปริมาณสูงอย่างต่อเนื่อง ตลาดใหญ่เห็นจะไม่พ้นตลาดจีนที่มีปริมาณผู้บริโภคสูง สหรัฐอเมริกา(มะพร้าวอ่อน และมะขามหวาน) แต่ที่สำคัญคุณภาพ และความปลอดภัยที่ต้องระมัดระวัง เพราะอย่างไร แนวโน้มผลไม้ไทยยังคงเป็นผลไม้ที่มีรสชาติที่คนทั่วโลกนิยม รวมทั้งตลาดเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็นสิงคโปร์ มาเลย์ อินโดนีเซีย หรือแม้แต่เวียดนาม  อนาคตอันใกล้การบริโภคของคนจีนและตลาดเพื่อนบ้านก็เชื่อว่ามีทิศทางเดียวกับกระแสความต้องการความปลอดภัยของโลก โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวจะเป็นทิศทางที่มาแรง การบริโภคผักผลไม้เพื่อสุขภาพ มีคุณค่าทางโภชนาการ เป็นอาหาร หรือยา แทนอาหารขยะที่มีขายเกลื่อนในร้านสะดวกซื้อ และจะเป็นทิศทางและแนวโน้มในอนาคตอันใกล้นี้

ผลไม้แกะสลักงานฝีมือที่ยากต่อการลอกเลียนแบบ : มีแนวโน้มดีในต่างประเทศ เพราะต้องใช้ฝีมือและความชำนาญ ทำยาก และการขนส่งเป็นปัญหา แต่ถ้าสามารถทำได้ ตลาดในส่วนการตกแต่งในโรงแรมชั้นนำ ร้านอาหารไทยที่มีชื่อเสียง ผลไม้แกะสลักเป็นตลาดที่ไม่ใหญ่มากนักแต่เป็นตลาดที่สามารถเพิ่มมูลค่าได้ตามความสามารถ เพราะเป็นงานฝีมือที่ยากต่อการลอกเลียนแบบ
ตลาดอาหารฮาลาล : ตลาดที่ไม่ควรมองข้าม หลายปีมานี้ประเทศไทยละเลยในตลาดส่วนนี้(ไทยมีส่วนแบ่งในตลาดอาหารฮาลาล ในปี 2551 เพียง ร้อยละ 0.64 เท่านั้นเอง) ในขณะที่ไทยมีตลาดส่วนแบ่งอาหารในตลาดโลก อยู่ร้อยละ1.8 เมื่อมองกระแสความต้องการของอาหารฮาลาล ยังมีส่วนแบ่งตลาดที่ไทยสามารถขยายไปได้อีกมากทีเดียว สตีเฟน โรส(Stephen S. Roach) ประธานบริษัทมอร์แกน สแตนเลย์ เอเซีย เคยทำนายว่าระบบเศรษฐกิจอเมริกันกำลังก้าวสู่จุดวิกฤตในอีกไม่ช้านี้ ประเทศที่พึ่งพาการส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา ได้แก่อาเชียน เกาหลี จีน เอเซียใต้ จำต้องหาทางป้องกันตนเองไว้ วิธีที่ดีที่สุดโดยการสร้างตลาดภายในของตนเองให้เข้มแข็ง รวมทั้งต้องเร่งหาตลาดใหม่ที่น่าสนใจเป็นตลาดอิสระจากตลาดอเมริกัน โดยหนึ่งในนั้นคือตลาดอาหารฮาลาลซึ่งมีตลาดโลกมุสสลิมเป็นตลาดหลัก ปัจจุบัน ตลาดอียู เป็นตลาดที่คล้ายกับตลาดอเมริกันเมื่อหลายปีก่อน ดังนั้น อาหารฮาลาลจึงเป็นทิศทางที่ไม่ควรมองข้าม
จากงาน THAIFEX ใครจะคิดอย่างไร มองอย่างไร อยู่ที่วิสัยทัศน์ของผู้บริหารในการมองทิศทางตลาดโลก ตลาดคู่แข่งขัน รู้เขารู้เรา ผ่านงานฟูดแฟร์ ใครมีทรัพยากรดีมีคุณภาพ มีความรู้ มีทักษะ มีประสบการณ์ มีเงิน มีนวัตกรรมใหม่ ๆ  ถือว่ามี “ความพร้อม” และ “ความได้เปรียบในเชิงต้นทุน” กระแสโลกที่มีการเปลี่ยนแปลง ทั้งธรรมชาติ ผู้บริโภค ผู้ผลิต ทำให้ทิศทางโลกเปลี่ยนแปลงไป ในขณะที่โลกใบนี้ถูกเชื่อมโยงด้วยเท็คโนโลยีการสื่อสารไร้พรมแดน ย่อโลกให้เล็กเท่าปลายนิ้วสัมผัส เป็นทะเลของความรู้ ในขณะเดียวกันก็ยังเป็นแหล่งของโอกาสที่มีอยู่ทั่วไป แตกต่างที่ใครจะมีต้นทุนความพร้อมที่มีคุณภาพ และต่ำกว่ากัน กลั่นกรอง รวมรวมใช้ความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ คัดสรรด้วยความชาญฉลาด แสวงหาโอกาสเหล่านั้น นำมาผลิตและขายให้ตรงใจผู้บริโภค ไม่มีใครประสบความสำเร็จจากสิ่งง่ายๆ และครั้งเดียว(ฟรุ๊ค) ประวัติศาสตร์คือบทเรียนที่ต้องนำมาปรับปรุงพัฒนาอย่างจริงจัง และต่อเนื่อง ด้วยวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร ทีมงานที่ชาญฉลาด สมัครสมานสามัคคี ร่วมแรงร่วมใจเป็นหนึ่งเดียว การเติบโตขององค์กรใดองค์กรหนึ่ง ไม่ได้เกิดจากคนใดคนหนึ่ง แต่เกิดจากทุกคนในองค์กรที่มุ่งมั่นในเป้าหมายเดียวกัน ในขณะที่ผู้บริหารสูงสุดต้องเป็นแกนนำยึดเหนี่ยวคนในองค์กร วันที่องค์ประสบความสำเร็จ คือวันที่ทุกคนในองค์กรประสบความสำเร็จเช่นกัน ความสำเร็จที่ได้มานั้นยากเย็น แต่การรักษาให้ความสำเร็จอยู่และเติมโตยากยิ่งกว่า  ความสำเร็จที่เติบโตว่ายากแล้ว การนำความสำเร็จให้ไปอยู่ในใจของผู้บริโภค และพนักงานในองค์กร ยิ่งยากขึ้นไปอีกเป็นลำดับ นั่นหมายถึงคุณกำลังสร้างฐานของความภักดีให้ลูกค้า ที่มีต่อสินค้า บริการ ต่อองค์กร และตัวคุณ “ยากที่สุด” ผู้ที่ทำได้ คือผู้ที่มี ผู้บริโภค ลูกค้า พนักงาน ชุมชน และสังคม อยู่ในใจ หากคุณสามารถเข้าไปอยู่ในดวงใจของคนเหล่านั้นได้แนบแน่นเพียงใด คุณก็จะครองใจเขาได้ด้วยเช่นกันฉันนั้น ที่สุดความภักดีเหล่านั้นจะกลับมาเป็นผลตอบแทนที่คุ้มค่า คุ้มเวลาที่ลงแรงลงทุนที่มั่นคงและยั่งยืนครับ!!!
........................................................................